วันพุธที่ 6 ตุลาคม พ.ศ. 2553

เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับ USB 3.0 (Superspeed)


คาด ว่าหลายคนคงทราบกันแล้วว่าขณะนี้ USB เวอร์ชั่น 2.0 ที่เราใช้งานกันอยู่นั้นเริ่มมีความเร็วที่ไม่เพียงพอแล้ว เนื่องจากในปัจจุบันข้อมูลเริ่มมีขนาดใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ รวมถึง storage ก็มีขนาดที่ใหญ่ขึ้นด้วย แต่ความเร็วนั้นยังกลับเท่าเดิม การมาของ USB 3.0 หรือที่เรียกในอีกชื่อว่า USB superspeed ในครั้งนี้ถือว่าเป็นก้าวสำคัญสำหรับวงการคอมพิวเตอร์ และเราจะได้ใช้กันในช่วงปีหน้าแน่นอน ฉะนั้นเรามาดูกันดีกว่าว่า USB 3.0 มีรายละเอียดเป็นอย่างไร และมีสิ่งที่ควรรู้คืออะไรบ้าง

- USB 3.0 มีความเร็วสูงกว่ารุ่นเก่าถึง 10 เท่า

จาก แรกเริ่มเดิมทีนั้น USB 2.0 ที่ใช้มาตั้งแต่ปี 2000 นั่นมีความเร็วสูงสุดอยู่ที่ 480 Mbp/s (60 MB/S) แต่สำหรับ USB 3.0 ที่กำลังจะออกมาให้ใช้ในไม่ช้านี้จะมีความเร็วสูงสุดอยู่ที่ 4.8 Gbp/s (600 MB/s) ในทางทฤษฎี แต่ความเป็นจริงนั้นจะมีความเร็วหลังจากที่หัก overhead ออกแล้วเหลืออยู่ประมาณ 3.2 Gbp/s ซึ่งจะมากหรือน้อยอย่างไรนั้น ขึ้นอยู่กับโปรโตคอลที่ใช้ครับ

- USB 3.0 จะใช้พลังงานได้คุ้มค่ามากกว่าเก่า
ปกติ USB 2.0 จะมีอัตราการใช้พลังงานอยู่ที่ 4.75 v. – 5.25 v. ต่อพอร์ท และใช้กระแสอยู่ที่ 500mA ซึ่งหากคิดเป็นอัตราค่าพลังงานต่อความเร็วแล้วจะได้ที่ประมาณ 960Kbp/s ต่อ mA แต่ USB 3.0 จะใช้พลังงานมากกว่าเก่าเกือบสองเท่า คือที่ประมาณ 900mA แต่ได้ความเร็วกลับมาประมาณสิบเท่า ก็ถือว่าคุ้มค่าละครับ นอกจากนี้ยังมีระบบจัดการพลังงานอีกด้วยคือจะมีโหมด idle, sleep, suspend เพื่อความประหยัดพลังงาน

- USB 3.0 ใช้การส่งข้อมูลแบบ Bi-Directional (Full-Duplex)

Full Duplex คือการส่งข้อมูลแบบสองทิศทางได้พร้อมกันในทันที (สังเกตได้จากโลโก้ด้านบน ที่มีลูกศรสองหัว) ซึ่งในเวอร์ชั่นที่เราใช้ๆ กันอยู่นั้นจะสามารถส่งข้อมูลครั้งละ 1 ทิศทาง สังเกตได้ว่ารูปแบบสาย USB 3.0 นั้นจะมีถึงสี่เส้น โดยใช้ทิศทางละสองเส้น ต่างจากเวอร์ชั่น 2.0 จะมีสายที่ใช้ในการส่งข้อมูลเพียงคู่เดียวเท่านั้น




สาย USB 3.0 ต้นแบบ






- สายของ USB 3.0 จะใช้ได้ที่ความยาวแค่ไหน ?

ตาม ข้อมูลนั้นไม่ได้ระบุไว้ แต่จากการทดสอบเบื้อต้นของเว็บไซต์ electronicdesign.com นั้นระบุไว้ว่าความยาวที่จะยังคงให้ความเร็วสูงสุดไว้ได้นั้นจะอยู่ที่ 3 เมตร

- เราจะได้ใช้กันตอนไหน

ขณะ นี้ USB 3.0 ได้ถูกยกเป็นมาตรฐานใหม่แล้วเรียบร้อย โดยราคาของ USB 3.0 controller นั้นราคาเริ่มต้นจะอยู่ที่ประมาณสี่ร้อยบาท และคาดหวังไว้ว่าจะมีอุปกรณ์ที่รองรับออกมาสู่ตลาดในช่วงปีหน้า

- มีเมนบอร์ด, อุปกรณ์รองรับหรือยัง ?

ก่อน หน้านี้ ASUS เคยประกาศว่าจะผลิตเมนบอร์ดตัวแรกของโลกที่รองรับออกมา แต่สุดท้ายก็ได้ยกเลิกไปอย่างไม่ทราบสาเหตุ ส่วนอุปกรณ์ที่ใช้งานได้กับ USB 3.0 ที่ผ่านการรับรองแล้วนั้นได้มีถูกผลิตแล้วโดย NEC โดยเพิ่งไปสาธิตในงาน Intel Developer Forum (IDF) 2009 เมื่อวันที่ 21 กันยายนที่ผ่านมา โดยทำความเร็วในการโอนไฟล์ 500MB เข้าสู่ SSD โดยใช้เวลาเพียง 4.2 วินาที







หัวต่อ USB 3.0 ชนิด mini รูปแบบ B







- อุปกรณ์ USB 2.0 เดิมจะใช้กับพอร์ทเวอร์ชั่นใหม่นี้ได้หรือไม่

ยังคงใช้งานได้ตามปกติ แต่จะได้ความเร็วที่ USB 2.0 แทน

- มี OS ตัวไหนรองรับแล้วบ้างในตอนนี้

ค่าย ที่รองรับไปแล้วตอนนี้เป็นฝั่งของ Linux ที่รองรับใน kernel เวอร์ชั่น 2.6.31 ส่วนทางฝั่ง Windows นั้นทางไมโครซอฟท์กำลังพัฒนาไดรเวอร์สำหรับ Windows 7 อยู่

cradit : how-2-work.blogspot.com

แม่โกหกผม 8 ครั้งในชีวิต

1. เรื่องเริ่มขึ้นตอนเมื่อผมเป็นเด็ก ๆ ผมเกิดในครอบครัวยากจน ครอบครัวของเราจนมากจนต้องอดข้าวบ่อย ๆ เมื่อไหร่ก็ตามเมื่อถึงเวลากินข้าว...แม่จะแบ่งข้าวม าให้ผมเพิ่มขึ้นอีก
พร้อมทั้งพูดว่า"ลูกต้องกินข้าวเพิ่มขึ้นนะ...ส่วนแม่ไม่ค่อยหิว" นี้เป็นครั้งแรกที่แม่โกหกผม

2. เมื่อผมเติบโตขึ้น คุณแม่เพียรพยายามหาเวลาว่างไปตกปลาในแม่น้ำ เพื่อว่าผมจะได้กินอาหารที่มีประโยชน์ต่อการเจริญเติบโตของผม แม่ต้มปลาที่ตกมาได้ทำเป็นซุปให้ผมกิน
ในขณะที่ผมกินแกงต้มปลา..แม่จะนั่งข้าง ๆ ผม แทะกินเศษเนื้อปลาที่ติดอยู่ตามก้างปลาหลังจากที่ผมได้กินเนื้อปลาไปแล้ว ผมรู้สึกตื้นตันใจมาก..ผมพยายามแบ่งเนื้อปลาให้แม่
แต่แม่ปฎิเสธทันควันพร้อมกับกล่าวว่า "ลูกกินเถอะ...แม่ไม่ค่อยชอบกินเนื้อปลา" นี่เป็นครั้งที่ 2 ที่แม่ โกหกผม

3. เมื่อผมเรียนอยู่ชั้นมัธยม เราต้องใช้เงินเพิ่มมากขึ้น แม่ต้องหารายได้พิเศษด้วยการรับงานเล็ก ๆ น้อยจากโรงงานมาทำที่บ้าน
บางครั้งผมตื่นขึ้นมาตอนตี 1 หรือตี 2...ผมยังเห็นแม่กำลังทำงาน"แม่ครับ...นอนเถอะครับมันดึกมากแล้ว พรุ่งนี้แม่ต้องไปทำงานอีก"
แม่ยิ้มกับผมพูดว่า "ลูกนอนต่อก่อนนะ...แม่ยังไม่เหนื่อย...นอนไม่หลับ" ครั้งที่ 3 แล้วที่แม่โกหกผม

4. ตอนเมื่อใกล้จบชั้นมัธยมผมต้องไปสอบเป็นวันสุดท้าย แม่อุตส่าห์หยุดงานไปเป็นเพื่อนและเพื่อเป็นกำลังใจให้ผม
มันเป็นวันที่แดดร้อนมาก ๆ...แม่ต้องรอผมอยู่หลายชม. เมื่อผมทำข้อสอบเสร็จ...รีบออกมาหาแม่
เห็นแม่ผมมีเหงื่อออกท่วมตัว.. แต่ท่านกลับรินน้ำเย็นที่เตรียมมาให้ผมดื่ม ผมเห็นแม่รู้สึกเหนื่อยและร้อนจึงขอให้แม่ดื่มน้ำก่อน
แม่พูดขึ้นว่า "ลูกดื่มเถอะ....แม่ยังไม่กระหายน้ำ" นั่นเป็นครั้งที่ 4 ที่แม่โกหกผม

5. หลังจากที่พ่อผมล้มป่วยและเสียชีวิต คุณแม่ที่น่าสงสารต้องทำงานหนักขึ้นเพื่อหารายได้มา จุนเจือครอบครัว
แต่ก็ยังไม่ค่อยเพียงพอไม่ว่าคุณแม่จะพยายามมากขึ้นเพียงไร คุณลุงที่อยู่ข้าง ๆ บ้านท่านเป็นคนดี
พยายามมาช่วยเหลือครอบครัวเราเสมอ....เช่นซ่อมแซมบ้านที่ผุพัง..ฯลฯ เพื่อนบ้านเห็นครอบครัวลำบากมากก็แนะนำให้แม่แต่งงาน ใหม่
แต่แม่ยืนกรานไม่เห็นด้วย แม่พูดกับผมว่า "แม่มีลูกอยู่ทั้งคน...แม่ไม่ต้องการความรักอีก" แม่โกหกผมเป็นครั้งที่ 5 แล้ว

6. ในทื่สุดผมก็เรียนจบและมีงานทำ ผมอยากให้แม่ซึ่งตรากตรำทำงานหนักมาตลอดได้พักผ่อนบ้าง
แต่แม่ไม่ยอม.....กลับไปตลาดทุกเช้า ขายผักที่หามาได้เพื่อเลี้ยงชีพทั้ง ๆที่ผมพยายามส่งเงินมาให้แม่
(ผมต้องไปทำงานในเมืองที่ห่างไกล) แม่ผมไม่ค่อยยอมรับเงินผม..บางครั้งยังส่งเงินกลับคืนให้ผมอีก
แม่พูดกับผมว่า "แม่มีเงินพอใช้แล้ว...ลูกควรเก็บเงินไว้สร้างฐานะ" แม่โกหกผมเป็นครั้งที่ 6