วันอังคารที่ 14 พฤษภาคม พ.ศ. 2556

เทคนิคการดื่มน้ำที่ถูกวิธี




         การดื่มน้ำนั้นความจริงแล้วมีวิธีการดื่มให้ถูกหลักด้วย การดื่มน้ำให้ถูกหลักก็เพื่อให้ร่างกายสามารถนำน้ำที่ดื่มเข้าไปใช้ประโยชน์ให้ได้มากที่สุด โดยน้ำที่ดื่มควรจะเป็นน้ำเปล่าธรรมดา ไม่ร้อนหรือเย็นจนเกินไป ถ้าหากเป็นน้ำอุ่นและดื่มในตอนเช้าจะทำให้ระบบขับถ่ายดีขึ้น เพราะทำให้ลำไส้ของเราสะอาดนั่นเอง

 แล้วเราควรจะดื่มน้ำเวลาไหนกันบ้าง ?

  • ตื่นนอนตอนเช้า 1 แก้ว (400 ซี.ซี.) เพราะเป็นช่วงที่มีความเข้มข้นของเลือดสูง เลือดจะมีลักษณะขาดน้ำ
  • ตอนสาย 2 แก้ว (เวลาประมาณ 9.00 – 10.00 น.) ช่วงนี้เป็นช่วงที่มีของเสียเกิดขึ้น เพราะร่างกายได้ทำงานไปแล้วระยะหนึ่ง ดังนั้นจึงควรดื่มน้ำเพื่อชำระของเสียเหล่านั้นออกไป
  • ตอนบ่าย 3 แก้ว (เวลาประมาณ 13.00 – 14.00 น.)
  • ตอนเย็น 3 แก้ว (เวลาประมาณ 19.00 – 20.00 น.) 
  • ก่อนนอนให้ดื่มน้ำอีก 1 แก้ว เพื่อให้น้ำที่ดื่มไหลเวียนชะล้างสิ่งตกค้างในลำไส้และกระเพาะอาหาร ยิ่งถ้าเป็นน้ำอุ่นด้วยแล้วจะยิ่งช่วยให้หลับสบายยิ่งขึ้น 

 ถึงแม้ว่าจะมีประโยชน์แต่ก็มีข้อที่ไม่ควรปฏิบัติในการดื่มน้ำเหมือนกันนะ
  • ไม่จำเป็นต้องดื่มน้ำ 2-3 แก้วติดต่อกันทันที ให้ดื่มตามปกติ ถ้าดื่มเข้าไปรวดเดียว ร่างกายก็จะขับออกมาทางปัสสาวะในทันที แต่ถ้าเปลี่ยนเป็นการจิบน้ำไปเรื่อยๆ ร่างกายจะได้นำไปใช้ประโยชน์ในส่วนต่างๆได้ดีกว่า 
  • เมื่อดื่มน้ำไปสักครู่หนึ่ง จะปัสสาวะบ่อย ในครั้งแรกๆจะมีสีเหลืองขุ่นๆ เนื่องจากน้ำที่ดื่มไปนั้นจะเข้าไปชำระล้างไตให้สะอาด (ไตเปรียบเหมือนเครื่องกรองน้ำของร่างกาย)
  • ไม่ควรดื่มน้ำในปริมาณมากเกินไป ทั้งก่อนที่จะรับประทานอาหารและหลังรับประทานอาหาร
  • ควรเลิกนิสัยที่รับประทานอาหารพร้อมกับการดื่มน้ำ เพราะจะทำให้น้ำย่อยในกระเพาะอาหารเจือจาง ส่งผลให้การย่อยไม่ดี
  • ไม่ควรรับประทานอาหารในแต่ละมื้อจนอิ่มแน่นท้องเกินไป ควรให้อิ่มพอดีแล้วรับประทานผลไม้สดตาม จะทำให้สะอาดคอ แล้วจิบน้ำตามนิดหน่อยก็จะรู้สึกสบายท้อง แล้วหลังจากนั้นครึ่งชั่วโมงค่อยดื่มน้ำตามปกติ


         ในช่วงแรกของการเริ่มต้นดื่มน้ำให้ถูกวิธี ร่างกายเราอาจจะยังไม่ชินบ้าง แต่ถ้าหากเราสามารถดื่มน้ำให้ถูกหลักเช่นนี้เป็นประจำแล้ว จะทำให้มีสุขภาพอนามัยดี ร่างกายสดชื่น กระปรี้กระเปร่าอยู่เสมอ สามารถดำเนินชีวิตประจำวันได้อย่างเต็มที่เพราะร่างกายเรามีสมดุลที่ดีนั่นเอง

ขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก : teenee.com, thiensurat.com

คลายร้อนด้วยเมนู "ไอศครีมมะม่วง"


  ช่วงหน้าร้อนแบบนี้ ถ้าได้ทานไอศครีมคงอาจะช่วยให้คุณเย็นลงได้นะคะ ยิ่งถ้าเป็นไอศครีมเพื่อสุขภาพอย่างมะม่วงด้วยแล้ว เจนัวร์ ว่ายิ่งถือว่าเป็นเมนูอาหารรับหน้าร้อนสุดเริ่ดได้ดีทีเดียวเชียวค่ะ


     เพราะมะม่วงเป็นผลไม้เพื่อสุขภาพอย่าง มะม่วง เพราะในมะม่วงมีเกลือแร่ และวิตามินต่างๆ ชาวอินเดีย เชื่อว่าการรับประทานมะม่วงจะช่วยในการขับถ่าย ช่วยขับปัสสาวะ (ซึ่งหมายถึงการช่วยขับพิษได้ด้วย) ช่วยกระตุ้นกำหนัด ช่วยทำให้สดชื่น เช่นเดียวกับชาวเซเนกัล เชื่อว่าการรับประทานมะม่วงจะทำให้สดชื่นมีชีวิตชีวา และชาวปานามารับประทานมะม่วงสุกเพื่อเป็นยาช่วยระบาย ดังนั้น การทานมะม่วง นอกจากจะให้ประโยชน์แล้ว ยังเป็นผลไม้ที่คนไทยนั้นหารับประทานได้ง่าย ตามฤดูกาลค่ะ

อุปกรณ์การทำไอศครีมมะม่วง  


1. มะม่วง
2. หัวกะทิ
3.นมข้นไขมันต่ำ

 วิธีการทำเมนูไอศครีมมะม่วง




  •  เตรียมมะม่วงโดยการหันมะม่วงเป็นชิ้นเล็กๆ เพื่อสามารถที่จะเอาลงไปปั่นในเครื่องได้
  •  นำส่วนผสมทั้งหมดใส่ลงไปในเครื่องปั่น โดยใส่มะม่วง หัวกะทิ และนมข้นหวาน พร้อมกัน
  •  ปั่นส่วนผสมทั้งหมดให้เข้ากัน คนเป็นเนื้อเนียนๆ มีความข้น เล็กน้อย
  •  แล้วจึงนำมะม่วงที่ปั่นเสร็จแล้ว ใส่ลงไปในแม่พิมพ์ แล้วจึงเอาเข้าตู้เย็น รอให้ไอศครีมแข็งตัว จึงนำออกมารับประทานได้


"ไอศครีมมะม่วง"


เรียบเรียงข้อมูลโดย : เจนัวร์ มัวชิม
ขอขอบคุณสำหรับข้อมูล : 108health.com