ปัจจุบันภาชนะบรรจุอาหารเป็นส่วนสําคัญอย่างหนึ่งในชีวิตประจําวันสําหรับคนเรา เนื่องจากการบริโภคอาหารทุกมื้อต้องใช้ภาชนะบรรจุอาหารเพื่อช่วยเพิ่มความสะดวกในการรับประทาน ภาชนะบรรจุอาหารที่ใช้กันอย่างแพร่หลาย ได้แก่ จาน ชาม ทั้งที่เป็นแก้ว เซรามิก และพลาสติก เป็นต้น อนึ่งภาชนะบรรจุอาหารแต่ละชนิดจะมีสมบัติและส่วนประกอบของสารต่างๆ แตกต่างกัน ดังนั้น การใช้ภาชนะบรรจุอาหารจึงควรเลือกให้เหมาะกับการใช้งานและประเภทของอาหาร เพราะการใช้ภาชนะบรรจุอาหารผิดประเภทอาจนําภัยอันตรายอันเนื่องมาจากสารพิษ เจือปนจากภาชนะได้ ซึ่งหากมีการสะสมเป็นเวลานานอาจก่อให้เกิดมะเร็งได้ ภาชนะบรรจุอาหารที่นิยมใช้ในปัจจุบันมีหลายประเภท ซึ่งมีหลักในการเลือกใช้เพื่อลดอันตรายอันอาจเกิดจากการใช้ภาชนะบรรจุอาหาร ดังนี้
อะลูมิเนียม ชาวบ้านส่วนใหญ่มักนิยมใช้ภาชนะที่ทำจากอะลูมิเนียม เนื่องจากคงทนและราคาถูก แต่มีคำเตือนจากนักวิจัยว่าหากนำอะลูมิเนียมไปใช้กับของเปรี้ยว หรือของที่มีความเป็นกรดสูง เช่น แกงส้มในหม้ออะลูมิเนียม อาจมีอะลูมิเนียมละลายออกมาปนเปื้อนในอาหาร ซึ่งหากได้รับสารอะลูมิเนียมเข้าไปจำนวนมาก เป็นปัจจัยเสี่ยงอย่างหนึ่งที่อาจทำให้ป่วยเป็นโรคอัลไซเมอร์ได้ อย่างไรก็ตาม มีข้อมูลการวิจัยที่แย้งว่าอะลูมิเนียมที่ละลายออกมาปนในอาหารมีปริมาณเพียง เล็กน้อย ไม่น่าจะก่อให้เกิดอันตรายต่อสุขภาพ แต่หากไม่อยากเสี่ยง ก็อาจจะเลี่ยงการใช้อะลูมิเนียมกับอาหารรสเปรี้ยวหรืออาหารที่มีความเป็นกรด
สเตนเลส ภาชนะที่ทำจากสเตนเลสเป็นภาชนะอีกชนิดหนึ่งที่นิยมใช้กัน เนื่องจากทนทานต่อการกัดกร่อน ไม่เป็นสนิม ทนความร้อน ความเย็น และการเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิอย่างฉับพลันได้ดี สเตนเลสเป็นเหล็กที่มีส่วนผสมของโลหะหลายชนิด หากเป็นสเตนเลสที่มีส่วนผสมของโครเมียม เมื่อนำมาใช้หุงต้มก็จะมีธาตุเหล็กและโครเมียมปะปนในอาหารเล็กน้อย ถือเป็นแร่ธาตุที่จำเป็นต่อร่างกายจึงไม่เป็นอันตราย แต่ หากเป็นสเตนเลสที่มีส่วนผสมของนิกเกิล อาจทำให้ผู้ที่แพ้นิกเกิลเกิดอาการแพ้ที่ผิวหนังได้ อย่างไรก็ตาม นิกเกิลจะละลายออกมาในอาหารที่มีฤทธิ์เป็นกรด เช่น น้ำส้มสายชู ผู้ที่แพ้นิกเกิลอาจเลือกใช้ภาชนะสเตนเลสที่เคลือบสารอีนาเมล ซึ่งจะไม่ก่อให้เกิดปฏิกิริยากับอาหารที่มีฤทธิ์เป็นกรด
ทองแดง ภาชนะที่ทำมาจากทองแดง หากนำมาปรุงอาหารที่มีฤทธิ์เป็นกรดจะสามารถละลายทองแดงออกมาได้ ทองแดงเป็นธาตุที่สำคัญต่อร่างกาย การได้รับทองแดงในปริมาณเล็กน้อยจึงไม่ก่อให้เกิดปัญหาต่อสุขภาพ แต่หากร่างกายสะสมทองแดงในปริมาณมากเกินไป จะทำให้เกิดอาการท้องเสียและอาเจียนจากทองแดงเป็นพิษได้ เพื่อป้องกันปัญหานี้ จึงมีการนำภาชนะทองแดงมาเคลือบด้วยดีบุก แต่ดีบุกที่เคลือบไว้ก็จะเสื่อมไปตามอายุการใช้งาน ฉะนั้นเมื่อใช้ไปนานๆ ก็ควรจะเปลี่ยนใหม่
ทองเหลือง ทองเหลืองเป็นโลหะผสมระหว่างทองแดงกับสังกะสี มีความต้านทานต่อการเกิดสนิมได้ดีพอสมควร นิยมทำขนมในกระทะทองเหลือง เช่น ผลไม้กวน เพราะมักจะไม่ติดกระทะ และไม่ทำให้สีของอาหารเปลี่ยนไป
เซรามิก ภาชนะเซรามิกที่เคลือบด้วยสีสันลวดลายสวยงาม อาจมีส่วนผสมของสารตะกั่วอยู่ หากมีปริมาณมากเกินไปจะเป็นอันตรายได้ โดยเฉพาะเมื่อนำไปใส่อาหารร้อนจัด เช่น กาแฟร้อน ชาร้อน และอาหารรสเปรี้ยวหรืออาหารที่มีฤทธิ์เป็นกรด เช่น ซอสมะเขือเทศ น้ำผลไม้ เพราะจะทำให้สารตะกั่วในสีละลายออกมาปนเปื้อนในอาหารได้
แก้ว ภาชนะที่ทำจากแก้ว ส่วนใหญ่จะมีความปลอดภัย ยกเว้นแก้วเนื้อบาง ไม่ควรใส่น้ำเดือดหรือนำเข้าเตาไมโครเวฟ เพราะอาจแตกได้ แต่หากเป็นแก้วคุณภาพดีก็จัดว่าเป็นภาชนะที่ใช้กับเตาไมโครเวฟได้อย่าง ปลอดภัยที่สุด ถ้าเป็นแก้วที่มีฝาปิดก็สามารถทนต่อความดันที่เกิดขึ้นเมื่อได้รับความร้อน โดยไม่ก่อให้เกิดความเสียหาย แต่ต้องไม่ตกแต่งขอบ หรือลวดลายด้วยสีทองหรือเงิน เพราะจะมีสารตะกั่วออกมาปนเปื้อนกับอาหารได้ นอกจากนี้ ภาชนะที่ทำจากแก้วยังเหมาะสำหรับการเก็บอาหารที่รับประทานไม่หมดอีกด้วย
เซรามิก ภาชนะเซรามิกที่เคลือบด้วยสีสันลวดลายสวยงาม อาจมีส่วนผสมของสารตะกั่วอยู่ หากมีปริมาณมากเกินไปจะเป็นอันตรายได้ โดยเฉพาะเมื่อนำไปใส่อาหารร้อนจัด เช่น กาแฟร้อน ชาร้อน และอาหารรสเปรี้ยวหรืออาหารที่มีฤทธิ์เป็นกรด เช่น ซอสมะเขือเทศ น้ำผลไม้ เพราะจะทำให้สารตะกั่วในสีละลายออกมาปนเปื้อนในอาหารได้
แก้ว ภาชนะที่ทำจากแก้ว ส่วนใหญ่จะมีความปลอดภัย ยกเว้นแก้วเนื้อบาง ไม่ควรใส่น้ำเดือดหรือนำเข้าเตาไมโครเวฟ เพราะอาจแตกได้ แต่หากเป็นแก้วคุณภาพดีก็จัดว่าเป็นภาชนะที่ใช้กับเตาไมโครเวฟได้อย่าง ปลอดภัยที่สุด ถ้าเป็นแก้วที่มีฝาปิดก็สามารถทนต่อความดันที่เกิดขึ้นเมื่อได้รับความร้อน โดยไม่ก่อให้เกิดความเสียหาย แต่ต้องไม่ตกแต่งขอบ หรือลวดลายด้วยสีทองหรือเงิน เพราะจะมีสารตะกั่วออกมาปนเปื้อนกับอาหารได้ นอกจากนี้ ภาชนะที่ทำจากแก้วยังเหมาะสำหรับการเก็บอาหารที่รับประทานไม่หมดอีกด้วย
เมลามีน เมลามีนผลิตจากอะมิโนเรซินที่เป็นโพลีเมอร์ของเมลามีนกับฟอร์มาลดีไฮด์ ซึ่งหากนำไปใช้ไม่ถูกต้อง เช่น ใส่อาหารร้อนจัด น้ำเดือด หรือนำไปใช้กับเตาไมโครเวฟ อาจทำให้ได้รับอันตรายจากสารฟอร์มาลดีไฮด์ที่เป็นสารก่อมะเร็งในระบบทางเดินหายใจได้ สำหรับภาชนะเมลามีนที่ซื้อมาใหม่ ควรล้างด้วยน้ำเดือดก่อนการใช้งาน เพื่อชะล้างสิ่งสกปรกและฟอร์มาลดีไฮด์บางส่วนออกไป ไม่ควรใช้ใยสังเคราะห์ เช่น ฝอยเหล็กหรือสก็อตไบรท์มาขัดถู เพราะจะทำให้สารที่เคลือบผิวเมลามีนหลุดออก ทำให้มีริ้วรอย สีและโลหะหนักจะออกมาปนเปื้อนในอาหารได้ นอกจากนี้ รอยขูดขีดที่เกิดขึ้นอาจเป็นแหล่งสะสมของเชื้อโรคได้อีกด้วย
พลาสติก หากการผลิตไม่คัดเลือกเม็ดพลาสติกที่มีคุณภาพและไม่ควบคุมวิธีการผลิตให้ดี แล้ว พลาสติกซึ่งเป็นโมเลกุลขนาดใหญ่เรียกว่า โพลีเมอร์ จะแตกตัวเป็นโมโนเมอร์ ละลายออกมาปนในอาหารได้ หากเป็นพลาสติกที่ผสมสี ตะกั่วและสารพิษในสีก็จะออกมาด้วยเช่นกัน นอกจากนี้ ในกระบวนการผลิตยังมีการใช้สารเคมีหลายชนิด ซึ่งอาจตกค้างอยู่บริเวณผิวหน้าพลาสติก หากสัมผัสถูกอาหารก็กลายเป็นสารก่อมะเร็งได้ ดังนั้น จึงต้องควบคุมคุณภาพภาชนะพลาสติกไม่ให้มีปริมาณโมโนเมอร์ สี และสารเคมีต่างๆ เกินกว่าที่กำหนด นอกจากนี้ พลาสติกจะมีหลายเกรดซึ่งผลิตมาสำหรับการใช้งานเฉพาะอย่าง จึงควรเลือกใช้ให้เหมาะสม
ภาชนะกับเตาไมโครเวฟ การเลือกใช้ภาชนะบรรจุอาหารกับเตาไมโครเวฟ ควรเป็นภาชนะที่ไม่ดูดกลืนคลื่นไมโครเวฟและสามารถทนต่อความร้อนและการ เปลี่ยนแปลงอุณหภูมิได้ดี ภาชนะที่นิยมใช้กันมากที่สุดคือ ภาชนะแก้ว หรือ แก้ว-เซรามิก รองลงมาคือ ภาชนะเซรามิกและภาชนะพลาสติก ตามลำดับ การเลือกใช้ภาชนะสำหรับเตาไมโครเวฟนั้นปัจจัยที่ควรพิจารณาอีกประการคือ ประเภทของการประกอบอาหารและอุณหภูมิที่ต้องใช้ ถ้าการประกอบอาหารที่ต้องใช้อุณหภูมิสูงก็ควรหลีกเลี่ยงภาชนะพลาสติกที่ทน ความร้อนไม่สูง
ที่สำคัญสุดในการเลือกภาชนะบรรจุอาหารควรคือ ต้องเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ที่มีตรา หรือเครื่องหมายการรับรองมาตรฐานจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ซึ่งเป็นการยืนยันได้ในระดับหนึ่งว่า สินค้าเหล่านั้นได้ผ่านการตรวจสอบคุณภาพว่าได้มาตรฐาน เพื่อความปลอดภัยในการบริโภคต่อไป
พลาสติก หากการผลิตไม่คัดเลือกเม็ดพลาสติกที่มีคุณภาพและไม่ควบคุมวิธีการผลิตให้ดี แล้ว พลาสติกซึ่งเป็นโมเลกุลขนาดใหญ่เรียกว่า โพลีเมอร์ จะแตกตัวเป็นโมโนเมอร์ ละลายออกมาปนในอาหารได้ หากเป็นพลาสติกที่ผสมสี ตะกั่วและสารพิษในสีก็จะออกมาด้วยเช่นกัน นอกจากนี้ ในกระบวนการผลิตยังมีการใช้สารเคมีหลายชนิด ซึ่งอาจตกค้างอยู่บริเวณผิวหน้าพลาสติก หากสัมผัสถูกอาหารก็กลายเป็นสารก่อมะเร็งได้ ดังนั้น จึงต้องควบคุมคุณภาพภาชนะพลาสติกไม่ให้มีปริมาณโมโนเมอร์ สี และสารเคมีต่างๆ เกินกว่าที่กำหนด นอกจากนี้ พลาสติกจะมีหลายเกรดซึ่งผลิตมาสำหรับการใช้งานเฉพาะอย่าง จึงควรเลือกใช้ให้เหมาะสม
- อย่าใช้ภาชนะพลาสติกใส่อาหารร้อนจัด อาหารที่มีรสเปรี้ยวหรืออาหารที่มีฤทธิ์เป็นกรด
- ขวดพลาสติกใสที่บรรจุน้ำดื่มขาย ควรใช้ครั้งเดียวแล้วทิ้ง ไม่ควรนำมากรอกน้ำดื่มใส่ตู้เย็น หากจะกรอกน้ำแช่ตู้เย็นควรเลือกขวดพลาสติกที่ผลิตมาโดยเฉพาะหรือขวดแก้วจะดีกว่า
- ขวดพลาสติกใสที่บรรจุน้ำมันพืช น้ำปลา ซอส น้ำดื่ม อย่าเก็บในที่ร้อน เนื่องจากจะเร่งให้สารเคมีละลายออกมา
- การล้างภาชนะพลาสติกควรระวังอย่าให้ขูดขีดเป็นรอยถลอก จะทำให้สารเคมีละลายออกมามากขึ้น
ภาชนะกับเตาไมโครเวฟ การเลือกใช้ภาชนะบรรจุอาหารกับเตาไมโครเวฟ ควรเป็นภาชนะที่ไม่ดูดกลืนคลื่นไมโครเวฟและสามารถทนต่อความร้อนและการ เปลี่ยนแปลงอุณหภูมิได้ดี ภาชนะที่นิยมใช้กันมากที่สุดคือ ภาชนะแก้ว หรือ แก้ว-เซรามิก รองลงมาคือ ภาชนะเซรามิกและภาชนะพลาสติก ตามลำดับ การเลือกใช้ภาชนะสำหรับเตาไมโครเวฟนั้นปัจจัยที่ควรพิจารณาอีกประการคือ ประเภทของการประกอบอาหารและอุณหภูมิที่ต้องใช้ ถ้าการประกอบอาหารที่ต้องใช้อุณหภูมิสูงก็ควรหลีกเลี่ยงภาชนะพลาสติกที่ทน ความร้อนไม่สูง
ที่สำคัญสุดในการเลือกภาชนะบรรจุอาหารควรคือ ต้องเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ที่มีตรา หรือเครื่องหมายการรับรองมาตรฐานจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ซึ่งเป็นการยืนยันได้ในระดับหนึ่งว่า สินค้าเหล่านั้นได้ผ่านการตรวจสอบคุณภาพว่าได้มาตรฐาน เพื่อความปลอดภัยในการบริโภคต่อไป
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น