การดื่มน้ำนั้นความจริงแล้วมีวิธีการดื่มให้ถูกหลักด้วย การดื่มน้ำให้ถูกหลักก็เพื่อให้ร่างกายสามารถนำน้ำที่ดื่มเข้าไปใช้ประโยชน์ให้ได้มากที่สุด โดยน้ำที่ดื่มควรจะเป็นน้ำเปล่าธรรมดา ไม่ร้อนหรือเย็นจนเกินไป ถ้าหากเป็นน้ำอุ่นและดื่มในตอนเช้าจะทำให้ระบบขับถ่ายดีขึ้น เพราะทำให้ลำไส้ของเราสะอาดนั่นเอง
แล้วเราควรจะดื่มน้ำเวลาไหนกันบ้าง ?
- ตื่นนอนตอนเช้า 1 แก้ว (400 ซี.ซี.) เพราะเป็นช่วงที่มีความเข้มข้นของเลือดสูง เลือดจะมีลักษณะขาดน้ำ
- ตอนสาย 2 แก้ว (เวลาประมาณ 9.00 – 10.00 น.) ช่วงนี้เป็นช่วงที่มีของเสียเกิดขึ้น เพราะร่างกายได้ทำงานไปแล้วระยะหนึ่ง ดังนั้นจึงควรดื่มน้ำเพื่อชำระของเสียเหล่านั้นออกไป
- ตอนบ่าย 3 แก้ว (เวลาประมาณ 13.00 – 14.00 น.)
- ตอนเย็น 3 แก้ว (เวลาประมาณ 19.00 – 20.00 น.)
- ก่อนนอนให้ดื่มน้ำอีก 1 แก้ว เพื่อให้น้ำที่ดื่มไหลเวียนชะล้างสิ่งตกค้างในลำไส้และกระเพาะอาหาร ยิ่งถ้าเป็นน้ำอุ่นด้วยแล้วจะยิ่งช่วยให้หลับสบายยิ่งขึ้น
ถึงแม้ว่าจะมีประโยชน์แต่ก็มีข้อที่ไม่ควรปฏิบัติในการดื่มน้ำเหมือนกันนะ
- ไม่จำเป็นต้องดื่มน้ำ 2-3 แก้วติดต่อกันทันที ให้ดื่มตามปกติ ถ้าดื่มเข้าไปรวดเดียว ร่างกายก็จะขับออกมาทางปัสสาวะในทันที แต่ถ้าเปลี่ยนเป็นการจิบน้ำไปเรื่อยๆ ร่างกายจะได้นำไปใช้ประโยชน์ในส่วนต่างๆได้ดีกว่า
- เมื่อดื่มน้ำไปสักครู่หนึ่ง จะปัสสาวะบ่อย ในครั้งแรกๆจะมีสีเหลืองขุ่นๆ เนื่องจากน้ำที่ดื่มไปนั้นจะเข้าไปชำระล้างไตให้สะอาด (ไตเปรียบเหมือนเครื่องกรองน้ำของร่างกาย)
- ไม่ควรดื่มน้ำในปริมาณมากเกินไป ทั้งก่อนที่จะรับประทานอาหารและหลังรับประทานอาหาร
- ควรเลิกนิสัยที่รับประทานอาหารพร้อมกับการดื่มน้ำ เพราะจะทำให้น้ำย่อยในกระเพาะอาหารเจือจาง ส่งผลให้การย่อยไม่ดี
- ไม่ควรรับประทานอาหารในแต่ละมื้อจนอิ่มแน่นท้องเกินไป ควรให้อิ่มพอดีแล้วรับประทานผลไม้สดตาม จะทำให้สะอาดคอ แล้วจิบน้ำตามนิดหน่อยก็จะรู้สึกสบายท้อง แล้วหลังจากนั้นครึ่งชั่วโมงค่อยดื่มน้ำตามปกติ
ในช่วงแรกของการเริ่มต้นดื่มน้ำให้ถูกวิธี ร่างกายเราอาจจะยังไม่ชินบ้าง แต่ถ้าหากเราสามารถดื่มน้ำให้ถูกหลักเช่นนี้เป็นประจำแล้ว จะทำให้มีสุขภาพอนามัยดี ร่างกายสดชื่น กระปรี้กระเปร่าอยู่เสมอ สามารถดำเนินชีวิตประจำวันได้อย่างเต็มที่เพราะร่างกายเรามีสมดุลที่ดีนั่นเอง
ขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก : teenee.com, thiensurat.com